เมนู

อรรถกถาสูตรที่ 9



ประวัติพระกุมารกัสสปเถระ



ในสูตรที่ 9 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า จิตฺตกถิกานํ ได้แก่ผู้กล่าวธรรมได้วิจิตร. จริงอยู่
พระเถระเมื่อจะกล่าวธรรมแก่คนคนเดียวก็ดี สองคนก็ดี ก็ประดับ
ด้วยอุปมาและเหตุเป็นอันมากให้เขารู้ จึงกล่าวว่า เพราะเหตุนั้น
พระเถระจึงเป็นยอดของภิกษุสาวกผู้กล่าวธรรมได้วิจิตร ปัญหา
กรรมของท่านมีเรื่องที่จะกล่าวตามลำดับ ดังนี้.
แท้จริง ท่านพระกุมารกัสสปนี้ ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า
ปทุมุตตระ ถือปฏิสนธิในเรือนสกุล ในกรุงหงสวดี เจริญวัย กำลัง
ฟังธรรมกถาของพระทศพล เห็นพระศาสดา ทรงสถาปนาภิกษุ
รูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวกผู้
กล่าวธรรมได้วิจิตร จึงกระทำกุศลกรรมให้ยิ่งยอดขึ้นไป ปรารถนา
ตำแหน่งนั้นเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ ครั้งศาสนาของ
พระกัสสปพุทธเจ้าเสื่อมลง เป็นภิกษุรูปหนึ่งระหว่างภิกษุ 7 รูป
กระทำสมณธรรมบนยอดเขา มีศีลไม่เสื่อม จุติจากภพนั้นแล้ว
บังเกิดในเทวโลก เสวยสมบัติอยู่พุทธันดรหนึ่ง ครั้งพระศาสดา
ของพวกเรา ก็เกิดในครรภ์ของหญิงสาวแห่งสกุลคนหนึ่ง ในกรุง-
ราชคฤห์ ก็หญิงสาวแห่งสกุลนั้น อ้อนวอนบิดามารดาก่อนแต่ไม่ได้
บรรพชา ครั้นไปอยู่เรือนแห่งสกุล (มีสามี) ก็ตั้งครรภ์ แต่ตัวเอง
ไม่รู้ จึงบอกกล่าวสามี (ขอบรรพชา) สามีอนุญาตแล้ว ก็บรรพชา

ในสำนักภิกษุณี. เหล่าภิกษุณีเห็นครรภ์นางเติบโตขึ้นมา จึงพากัน
ไปถาระเทวทัต. พระเทวทัตนั้นก็กล่าวว่า นางไม่เป็นสมณะ
เหล่าภิกษุณีจึงพากันไปทูลถามพระทศพล. พระศาสดาก็ทรง
มอบเรื่องให้พระอุบาลีเถระ. พระเถระให้เชิญเหล่าสกุลชาวกรุง-
สาวัตถี และนางวิสาขาอุบาสิกามาช่วยตรวจชำระ ก็กล่าวว่า
นางมีครรภ์มาก่อน (บวช) บรรพชาของนางจึงไม่เสีย. พระศาสดา
ได้ประทานสาธุการรับรองแก่พระเถระว่า อธิกรณ์อุบาลีวินิจฉัย
ชอบแล้ว. ภิกษุณีนั้นคลอดบุตรประพิมประพายคล้ายรูปทองของ
พระเจ้าปเสนทิโกศล ทรงรับเด็กนั้น โปรดให้ชุบเลี้ยง พระราชทาน
นามว่า กัสสป ต่อมา ทรงชุบเลี้ยงเติบโตแล้ว ก็พาไปฝากยังสำนัก
พระศาสดา โปรดให้บรรพชา. แต่เพราะท่านบวชเวลายังเป็นเด็กรุ่น
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า พวกเธอจงเรียกกัสสปมา จงให้
ผลไม้หรือของขบฉันอันนี้แก่กัสสป พวกภิกษุสงสัยก็ทูลถามว่า
กัสสปองค์ไหน พระเจ้าข้า. ตรัสว่ากุมารกัสสป กัสสปองค์เด็ก
นะสิ. เพราะได้รับขนานนามอย่างนี้ ตั้งแต่นั้นมา ท่านก็ถูกเรียกว่า
กุมารกัสสป แม้ในเวลาที่ท่านแก่เฒ่าแล้ว. อีกนัยหนึ่ง คนทั้งหลาย
จำหมายท่านว่ากุมารกัสสป เพราะเหตุที่เป็นบุตรชุบเลี้ยงของ
พระราชาก็มี. ตั้งแต่บวชแล้ว ท่านทำงานเจริญวิปัสสนา และ
เล่าเรียนพระพุทธวจนะ.
ครั้งนั้น ท่านมหาพรหม ผู้กระทำสมณธรรมบนยอดเขา
กับพระเถระนั้น บรรลุอนาคามิผล บังเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส
นั้น ระลึกถึงในสมัยนั้น เห็นพระกุมารกัสสป คิดว่า สหายของเรา
กำลังลำบากในการเจริญวิปัสสนา จำเราจักไปแสดงทางแห่ง

วิปัสสนาแก่เธอ กระทำอุบายให้บรรลุมรรคผล ดังนี้แล้ว ดำรง
อยู่ในพรหมโลกนั่นแล แต่งปัญหา 15 ข้อ แล้วไปปรากฏในสถาน
ที่อยู่ของพระกุมารกัสสปเถระ ต่อจากเวลาเที่ยงคืน พระเถระ
เห็นแสงสว่าง จึงถามว่า ใครอยู่ที่นั่น. มหาพรหมตอบว่า เราคือ
พรหม ผู้การทำสมณธรรมกับท่านมาแต่ก่อน บรรลุอนาคามิผล
แล้วบังเกิดในพรหมโลกชั้นสุทธาวาส พระเถระถามว่า ท่านมา
ด้วยการงานอะไรเล่า. มหาพรหมบอกปัญหาเหล่านั้น เพื่อแสดง
เหตุที่ตนมา แล้วกล่าวว่า ท่านจงเล่าเรียนปัญหาเหล่านี้ เมื่ออรุณขึ้น
ก็จงเข้าไปเฝ้าพระตถาคต ถวายบังคมแล้วทูลถาม. ด้วยว่าเว้น
พระตถาคตเสียผู้อื่นที่สามารถกล่าวแก้ปัญหาเหล่านี้ ไม่มีดอก
แล้วก็กลับพรหมโลกตามเดิม. วันรุ่งขึ้น แม้พระเถระก็เข้าไปเฝ้า
พระศาสดา ถวายบังคมแล้ว ทูลถามปัญหา โดยทำนองที่มหาพรหม
กล่าวไว้. พระศาสดาทรงตอบปัญหาให้พระกุมารกัสสปเถระ บรรลุ
พระอรหัต. พระเถระเล่าเรียนโดยทำนองที่พระศาสดาตรัสไว้
ไปป่าอันธวันเจริญวิปัสสนาแก่กล้า (สำนวนท่านว่าให้วิปัสสนา
ตั้งท้อง) ก็บรรลุพระอรหัต. ตั้งแต่นั้นมา ท่านเมื่อจะกล่าวธรรมกถา
แก่บริษัท 4 มากก็ดี ไม่มากก็ดี ประดับด้วยอุปมาและเหตุทั้งหลาย
จึงกล่าวเสียอย่างวิจิตรทีเดียว. ครั้งนั้น เมื่อท่านแสดงสูตรประดับ
ประดาด้วยปัญหา 15 ข้อ แก่พระยาปายาสิ พระศาสดาทรงทำ
พระสูตรนั้นให้เป็นอัตถุปปัตติต้นเรื่อง จึงทรงสถาปนาท่านไว้
ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นยอดเหล่าภิกษุสาวกผู้กล่าวธรรมได้วิจิตร
ในพระศาสนานี้แล.
จบ อรรถกถาสูตรที่ 9

อรรถกถาสูตรที่ 10



ประวัติพระมหาโกฏฐิตเถระ



ในสูตรที่ 10 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ด้วยบทว่า ปฏิสมฺภิทปฺปตฺตานํ ทรงแสดงว่า พระมหาโกฏฐิต-
เถระ เป็นยอดของเหล่าภิกษุสาวก ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4. จริงอยู่
พระเถระแม้รูปนี้ เมื่อเข้าไปหาพระมหาสาวก ผู้มีชื่อเสียงถาม
ปัญหาก็ดี เมื่อเข้าไปเฝ้าพระทศพลทูลถามปัญหาก็ดี ย่อมถาม
ปัญหาในเรื่องปฏิสัมภิทาทั้งหลายเท่านั้น เพราะตนเป็นผู้ช่ำชอง
ชำนาญในปฏิสัมภิทาทั้งหลาย ดังนั้น ท่านจึงชื่อว่าเป็นยอดของ
เหล่าภิกษุสาวกผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ด้วยอำนาจความเป็นผู้ช่ำชอง
นี้. ในปัญหากรรมของท่าน มีเรื่องที่จะกล่าวตามลำดับ ดังนี้
ความจริง พระเถระแม้รูปนี้ บังเกิดในสกุลที่มีโภคสมบัติ
มาก ในกรุงหงสวดี ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ.
สมัยต่อ ๆ มา กำลังธรรมกถาของพระศาสดา เห็นพระศาสดา
ทรงสถาปนาภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นยอดของ
เหล่าภิกษุสาวกผู้บรรลุปฏิสัมภิทา จึงกระทำกุศลกรรมให้ยิ่งยวด
ขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น. กระทำกุศลจนตลอดชีวิต เวียนว่าย
อยู่ในเทวดาและมนุษย์ บังเกิดในสกุลพราหมณ์ กรุงสาวัตถี ใน
พุทธุปปาทกาลนี้. เหล่าญาติได้ขนานนามเขาว่า โกฏฐิตมาณพ.
เขาเจริญวัย ก็เรียนเวททั้งสาม วันหนึ่ง ฟังธรรมกถาของพระ-